วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

นกเขาชวา 
นกเขาชวา หรือ นกเขาเล็ก หรือ นกเขาแขก (อังกฤษZebra doveชื่อวิทยาศาสตร์Geopelia striata-เป็นภาษาละติน แปลว่า "รอยไถ" หรือ"ลาย" มีความหมายว่า "นกเขาที่มีลาย") เป็นนกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ในวงศ์นกพิราบและนกเขา (Columbridae)
มีรูปร่างเหมือนกับนกชนิดอื่น ๆ ในวงศ์เดียวกันนี้ทั่วไป มีขนปกคลุมตัวสีน้ำตาลหัวสีเทา หรือมีสีที่หัวเป็นสีน้ำเงิน ด้านข้างคอมีแถบสีดำสลับกับแถบขาวเป็นลายตามขวาง ด้านหลังสีเข้มมีขีดขวางคล้ายกับลายของม้าลายในต่างประเทศ อันเป็นที่มาของชื่อสามัญในภาษาอังกฤษ ด้านท้องสีจาง ใต้ลำตัวเป็นสีขาวมีขีดขวางเล็ก ขอบท้ายของขนหางสีขาว ขนาดเมื่อโตเต็มที่ไม่เกิน 8-9 นิ้ว
มีพฤติกรรมชอบอาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง, ป่าละเมาะ, ชายทุ่งและบริเวณที่ทำการเพาะปลูก ชอบอยู่กันเป็นคู่หรือลำพังเพียงตัวเดียว แต่ไม่ชอบหากินอยู่เป็นฝูงใหญ่ มักร้องบ่อย ๆ ในเวลาเช้าและเวลาเย็น มีถิ่นกระจายพันธุ์ในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย จนถึงมาเลเซียอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
นกตัวผู้จะมีลักษณะทั่วไปใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย หัวใหญ่ค่อนข้างยาว มีสีขาวที่หน้าผากสีขาวมากยาวถึงกลางหัว ขณะที่ตัวเมียหัวกลมเล็กและสีขาวที่ส่วนหัวจะไม่ยาวเท่า และมีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย เช่น หางที่ตัวเมียจะยกแอ่นกว่าตัวผู้ และเกล็ดที่ข้อเท้าจะละเอียดเล็กกว่าตัวผู้
นกเขาชวา เป็นนกที่ไม่เกรงกลัวมนุษย์ ซ้ำยังมีเสียงร้องที่ไพเราะ จึงเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับฟังเสียง จนกลายเป็นวัฒนธรรมในคาบสมุทรมลายู โดยเชื่อว่ามีมาจากเกาะชวา มีการจัดแข่งขันประกวด การเพาะขยายพันธุ์ ก่อตั้งเป็นชมรมหรือสมาคมต่าง ๆ ซึ่งในตัวที่มีเสียงร้องไพเราะอาจมีราคาสูงถึงหลักล้านบาท ตลอดจนแตกแขนงกลายเป็นอาชีพอื่น ๆ ต่อด้วย เช่น ประดิษฐ์กรงนกขาย 

ลักษณะนกเขาที่เลี้ยงในบ้าน



           ที่นิยมเลี้ยงกันมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ นกเขาใหญ่กับนกเขาชวา  ลักษณะของนกเขาทั้งสองนี้มีดังต่อไปนี้ 

นกเขาใหญ่ 

            1. ถ้าแข้งสีแดงจัดและมีเล็บขาวสะอาด  เลี้ยงไว้ในบ้านเรือนสามารถป้องกันอัคคีภัยได้ดี

            2. ถ้าสร้อยคอขาวคาดจุดดำจำนวนมาก  เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของจะทำให้ได้ลาภเงินทอง ของใช้จากคนอื่นเสมอ ๆ

            3. ถ้าเกร็ดที่หน้าแข็งมีครบ 9 คู่ หรือ 18 เกร็ดเรียงสลับกันโดยลำดับดีปานกลาง

            4. ถ้าเล็บดุด คือสลับกันเล็กบ้างใหญ่บ้างเหมือนแข้งไก่ชน เป็นลักษณะของนกเขาที่ให้คุณ จะเป็นที่ยำเกรงของคนทั่วไป เจ้าของจะมีอำนาจวาสนามีบริวารมาก

            5. ถ้าฟังเสียงร้องเสียงคู่สำเนียงฟังคล้ายกับว่า กรุก กรู ติดต่อกัน 3 ครั้ง 9 ครั้ง โดยไม่หยุดพักเลย เป็นนกเขาค่าควรเมือง จะให้ลาภแก่เจ้าของทุกประการ

            6. ถ้าเสียงขันเสียงคู ออกสำเนียงคล้ายกับว่า กวัก กรู กวัก กรู หลาย ๆ ครั้ง ยิ่งครบ 5 หรือ 9 ครั้งยิ่งดี  เจ้าของและครอบครัวจะประสบโชคทางการเงินไหลมา เทามา ทรัพย์สินเนืองนอง ไม่อดอยากเลย คำคุณเจ้าของ และบริวารในครอบครัวดีนัก

            7. ถ้าเสียงขันเสียงคู ฟังว่าคล้ายกับเสียงภาชนะแตก หรือคล้ายเสียงคนสะอึก หรือจาม ท่านว่า ไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ ให้รีบปล่อยไปเสีย มิฉะนั้นจะนำความหายนะมาให้ในไม่ช้าแล

            8. ถ้าเสียงขันเสียงคูฟังนิ่มนวลเป็นเสียงเดียวกัน และอ่อนหวานเวลาขันทำท่าคล้ายเอาศีรษะกวักเข้ามาด้วย เป็นลักษณะวิเศษ จะนำโชคลาภเกียรติยศชื่อเสียงมาให้เจ้าของ และบริวารดีนักควรเอาเงินทองใส่ในภาชนะน้ำ ให้นกดังกล่าวดื่มกินเถิดจะได้ลาภภายใน 3 วัน 7 วันแน่แท้เลย

            9. ถ้านกเขาใหญ่ตัวใด มีขนตรงหัวมีลวดลายคล้ายองค์พระพุทธรูป ที่ปีกมีลวดลายคล้ายตัวนะ กลางหลังมีคล้ายตัวโม ขนที่คอมีคล้ายตัว พุทกลางหลังมีคล้ายตัว ธา และที่หางมีคล้ายตัวยะ ริมขอบตามทั้ง 2 ข้าง มีคล้าย ขนอุณาโลม  นกเขาตัวนั้นหาค่ามิได้ ค่าควรเมืองยิ่งนัก ถ้าได้พบเห็นราคาเท่าไรก็ขอให้ซื้อมา แล้วทำกรงทาสีทองให้อยู่เถิด เจ้าของจะร่ำรวยภายใน 3 วัน 7 วัน จะทำราชการค้าขายหรือประกอบกิจการใด ๆ เจริญก้าวหน้า มีกำไรทุกอย่าง

            10. ถ้านกเขาใหญ่ ตัวใด ขับคูออกเสียงเป็นจังหวะ "กรุก กรู ๆ ๆ เจ้าหัวกู ๆ ๆ กรู ๆ" ทำนองคล้ายกันนี้ นกตัวนั้นเป็นนกอุดมโชคเจ้าของจะทำมาค้าขึ้น ประกอบกิจการงานใด จะรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไปสารทิศใด ๆ จะมีคนอุปถัมภ์ค้ำชู ไม่อดอยากเลย 

            11. ถ้าเวลาขันหรือคู นกตัวใดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  จะปกป้องภยันตรายให้กับเจ้าของมันดีนัก ศัตรูคิดปองร้ายมิได้เลย 

            12. ถ้าเวลาขันหรือคู นกหันหน้าไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ไม่ดี ไม่ควรเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของอับโชค สิ้นอำนาจ หมดวาสนาชะตาตก

            13. ถ้านกเขาตัวใด มีขนคอปนจุดสีดำรอบคอ มองเห็นได้ชัดเจนดี ท่านว่านกตัวนั้นจะให้คุณ ถึงแม่ว่าเจ้าของจะยากจน ก็จะร่ำรวยในไม่ช้า จะมีลาภผลเกิดขึ้นมาโดยเร็ว อย่างประหลาดใจทีเดียว ค้าขายไม่น่าจะร่ำรวยก็ร่ำรวย เป็นข้าราชการก็จะได้ยศได้ขั้นเงินเดือนมากกว่าใคร ๆ ในรุ่นเดียวกัน

            14. ถ้านกเขาตัวใด เวลาขันหรือเวลาถ่ายมูล มีกลิ่นเหม็นเป็นนกอัปลักษณ์ อย่าได้เลี้ยงไว้ภายในบ้านเลยเด็ดขาด

            15. ถ้านกตัวใดมีขนออกที่ริมฝีปากทั้งสองข้าง เป็นนกนำลาภมาให้เลี้ยงไว้เถิดจะให้ผู้เลี้ยงประสบโชคดีเสมอ ๆ 

            16. ถ้านกตัวใด กลางหลังมีลวดลายเส้นแมลงผีเสื้อ หรือหน้ายักษ์  อย่าได้จับต้องหรือเลี้ยงนกตัวนั้นไว้เลย จะทำให้เสื่อมลาภเสื่อมยศทรัพย์สินภายในบ้านจะหายนะ

            17. ถ้านกตัวใดมีหางสั้น และยังมีขนหางไม่ครบ 10 เส้น เป็นนกขัดลาภอย่านำเลี้ยงไว้ในบ้าน

            18. ถ้านกตัวใดมีขนหรือลวดลายคล้ายนกกระจอก หรือมีขนหางสั้นกว่าลำตัวมันท่านว่า เป็นนกอัปลักษณ์ ชาติชั่วจัณฑาลไม่ดีเลย หากนำมาเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้บริวารประพฤติผิดศีลธรรมเลย

            19. ถ้านกตัวใดมีขนปีกสั้น ปกคลุมตัวไม่มิดชิด  เป็นนกอัปลักษณ์ จะนำความหายนะและความชั่วร้ายมาให้ ถ้าขืนเลี้ยงไว้เจ้าของจะต้องประสบอุบัติเหตุ เกิดจัญไรกับตัวและบริวาร 

            20. ถ้านกตัวใดริมฝีปากบน ล่าง เวลาปกติไม่แนบสนิทกัน  เป็นนกอัปลักษณ์ไม่ควรจะเลี้ยงไว้ เพราะจะทำให้เจ้าของสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เป็นคดีความมีแต่ทางเสียเงินอย่างเดียว



นกเขาชวา 

           1. ถ้านกเขาชวาตัวใดมีแข้งดำดุจสีนิล  เป็นนกนำลาภมาให้ ควรเลี้ยงไว้จะทำให้เจ้าของประสบความสุขความเจริญ

           2. ถ้าแข้งดำดุจนิลและเกร็ดแข้งคุดเหมือนไก่ชน  เจ้าของชนะศัตรูไม่เคย เจ็บไข้ ต้องโรคาพยาธิเลย 

           3. นกตัวใดมีแข้งแดง ขนปีกดำสลับขาว ท้องหน้าดำ  เป็นนกเขาค่าควรเมืองคุ้มไฟ คุ้มอันตราย ให้เจ้าของได้

           4. ถ้านกตัวใดริมขอบตาขาว นัยน์ตาดำสนิท  เป็นนกให้อำนาจวาสนาแก่เจ้าของ

           5. นกตัวใดแข้งมีเกร็ด 9 คู่  เป็นนกนำโชคมาให้เจ้าของมั่งมีศรีสุข 

           6. นกตัวใดเป็นนกผสมระหว่างนกเขาเขียวกับนกเขาชวา มีปีกแซมขนเขียวกระเรียวงาม  เป็นนกป้องกันภยันตราย มีค่าควรเมือง ทำมาค้าขาย 

           7. นกตัวใดมีหางยาว โผล่ออกมาเส้นเดียว  เป็นนักนักการพนัน นกการค้า ใครเลี้ยงไว้จะมีลาภ ยศ ชื่อเสียง 

           8. นกตัวใดขันหรือคูมีเสียงคู่ กรุก กรู ๆ กรู-กรู ยาวถึง 3 ถึง 8 ครั้งติดต่อกัน  เป็นนกเจ้าพระยา ใครเลี้ยงไว้จะเจริญรุ่งเรือง มีความสุขปราศจากโรคาพยาธิดี

           9. นกตัวใดขันเสียแตก ขันแล้วหยุด หยุดแล้วขันไม่เป็นเวลา เป็นนกกาลี ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเลย

           10. นกตัวใดขันเป็นยาม เช่น ตอนเช้า ตอนเที่ยง และบ่าย ค่ำ  เป็นนกมหาเศรษฐี เสียงร้องจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเลี้ยงไวดีนักแล นอกจากนี้ ถ้านกเขาชวา มีลักษณะเข้าตำราตามแบบนกเขาใหญ่

อาหารที่ใช้เลี้ยงนกเขาชวา


         ได้แก่  ข้าวเปลือกเมล็ดสั้น ไม่นิยมเลี้ยงนกเขาด้วยข้าวเปลือกเมล็ดยาวแบบข้าวเปลือกที่ใช้เลี้ยงไก่ ทั้งนี้เพราะถ้าเมล็ดยาวอาจจะทำให้ข้าวเปลือกติดคอ เพราะนกเขาคอเล็กกว่าไก่อาจทำให้นกเขาชวาตายได้ แต่ทั้งนี้ก่อนจะให้เป็นอาหารของนกเขาชวา จะต้องเอาข้างเปลือกเมล็ดสั้นนั้นมาล้างน้ำ เพื่อให้ฝุ่นละอองที่ติดตามเมล็ข้าวเปลือกออกให้หมดก่อนแล้วจึงนำตากแดดให้แห้งสนิท 
ข้างฟ่าง ข้าวฟ่างใช้เลี้ยงนกเขาชวามี ๓ สี คือ สีแดง สีเหลือง  และสีดำดอกสมุทรโคดม เป็นข้าวที่มีลักษณะเป็นเมล็ดกลมขนาดเมล็ดถั่วเขียว ดอกหญ้าปากควาย ปกตินกเขาชวาชอบกินดอกหญ้าปากควายมาก แต่ไม่ควรให้มากเกินไป เพราะจะทำให้นกผอมและเสียงแห้งเมล็ดผักเสี้ยน ช่วยเป็นยาระบายอ่อน ๆ ของนกเขาชวา
ลูกเซ่ง เป็นหญ้าชนิดหนึ่งขึ้นปะปนกับต้นข้าวในนา
งาดำ งาดำเปลือกเป็นยา ดีกว่างาขาว   ถั่วเขียว ก่อนให้เป็นอาหารนกเขาขวา ควรตำเล็กน้อย พอให้เปลือกแตก แต่อย่าให้ละเอียดนัก ถั่วเขียวจำเป็นต้องให้แก่นกที่กำลังผสมพันธุ์อย่างมาก เพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ทรายและเปลือกหอยป่น ช่วยบำรุงกระดูกของนกเขาชวา และช่วยย่อยอาหารโดยเฉพาะเปลือกหอยป่น มีแคลเซียม และช่วยบำรุงกำลังให้นก ส่วนทรายทะเลช่วยให้ระบบย่อยอาหารของนกดีขึ้น ดินลูกรัง นกเขาชวาชอบกินดินลูกรังที่ได้จากภูเขา ดินลูกรังให้ธาตุเหล็กแก่นก
ดินดำ เป็นดินปลวกดำ นกชอบน้ำสะอาด ต้องมีไว้อย่าให้ขาด ข้าวไร่ นกเขาชอบกินแต่ไม่ควรให้บ่อย เพราะจะทำให้นกน้ำหนักเบา และขันเสียงตกอาหารทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด ยกเว้นข้าวเปลือก น้ำสะอาด และทราย ก่อนจะให้เป็นอาหารนก จะต้องนำมาคลุกเคล้าผสมกัน ซึ่งในปัจจุบันอาจไม่มีครบทุกอย่าง แต่ก็มีผู้ผสมอาหารสำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงนกเขาชวาโดยเฉพาะ ซึ่งจะหาซื้อได้ทั่วไป หรือจะซื้อแต่ละชนิดมาผสมเองก็ได้



การเลี้ยงนกเขาชวา

       ลูกนกที่ออกจากไข่นานประมาณ ๑/๒ - ๑ วัน จะเริ่มหัดบิน ครั้นเวลาล่วงมานานประมาณ ๒๐ - ๒๕ วัน แม่นกจะเริ่มออกไข่ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในระยะนี้พ่อนกจะไล่จิกตีลูกนก โดยปกติประมาณ ๒๐ วัน หลังจากที่ลูกนกออกจากไข่ควรจะแยกเอาลูกนกไปใส่กรงเล็กทันที เป็นการป้องกันพ่อนกที่จะจิกตีลูกนกจนตาย ในระยะแรกที่ลูกนกต้องจากอกพ่อนกแม่นก ลูกนกอาจกินอาหารเองไม่เป็น เจ้าของจะต้องเอาถั่วเขียวบดพอแหลกป้อนให้กิน จนกว่าลูกนกกินอาหารเองได้เอง จึงค่อยนำลูกนกไปปล่อยในกรงใหญ่ เพื่อให้ลูกนกหัดบินออกกำลังประมาณ ๓– ๖ เดือน แล้วจึงค่อนนำมาเลี้ยงในกรงเล็กใหม่ แต่ถ้านกเขาเพศเมียยังไม่ออกไข่ใหม่ เจ้าของก็อาจไม่ต้องแยกลูกนก จากพ่อแม่ก่อนก็ได้ เพียงแต่เจ้าของนก ต้องค่อยหมั่นเติมอาหารจำพวกเมล็ดดอกหญ้าเล็ก ๆ ข้างฟ่างและถั่วเขียวบดในถ้วยอาหารที่อยู่ในกรงเสมอ ๆ อย่าให้ขาด ในช่วงนี้พ่อนกจะเป็นผู้คอยป้อนอาหารให้ลูกนกเอง
       การเลี้ยงนก เขาไว้ในบ้านเพื่อประดับบ้าน หรือเลี้ยงไว้ฟังเสียงเพื่อความสุขใจ หรือจะเลี้ยงเพื่อเป็นการค้า หรือจะเลี้ยงเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ควรจะเลี้ยงมากกว่า ๑ ตัวเสมอ เพราะนกเขาจะได้มีความสุขไม่หงอยเหงา อย่างน้อยที่สุดควรเลี้ยง ๑ คู่ และควรเป็นคู่ต่างเพศจะได้เป็นเพื่อนคู่ขัน ประชันกันแก้เหงา โดยจะเลี้ยงไว้กรงละตัว หรือ ๒ ตัว รวมกันไว้ในกรงค่อนข้างใหญ่ก็ได้
นักเล่นนกทางภาคใต้นิยมเลี้ยงนกเขาชวาแบบฝึกตลอดเวลา พยายามที่จะนำไปโยงตากแดดตอนเช้าก่อนไปทำงาน เพื่อให้นกเขาได้ขันออกเสียงเต็มที่ เหมือนนกที่อยู่ในป่า ยิ่งถ้าเป็นชาวบ้านก็แทบจะหิ้วกรงนกเขาติดตัวตลอดเวลา เวลาไปกรีดยางหรือทำสวนจะเอาไว้กับต้นไม้ใกล้ตัว ทำงานไปฟังเสียงนกเขาขันไปด้วย แม้แต่เวลพักผ่อนจะเข้าร้านน้ำชากาแฟก็ยังหิ้วกรงนกเขาเข้าไปในร้านด้วย วิธีการเช่นนี้ช่วยให้นกเขาเชื่อง ไม่ตื่นกลัวคน ไม่ตกใจง่าย เวลาอยู่ในบ้านก็คอยดีดนิ้วร้องเรียกให้นกเขาขันคูช่วยให้นกเขาคุ้นกับคน
       การแขวนกรงนกเขาให้ถูกที่เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ใดแขวนแล้วนกไม่ชอบ นกเขาจะดิ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะกลัวอะไรสักอย่างหนึ่งก็ได้ สถานที่แขวนกรงนกจะต้องอยู่ห่างจากศัตรูของนกเขา เช่น แมว หนู ตุ๊กแก แมลงสาบ ค้างคาวที่ชอบบินผ่านกรง แม้แต่สถานที่สีฉูดฉาดก็อาจทำให้นกเขาตื่นตกใจได้ ที่ใดแขวนแล้วนกเขาขันบ่อย ๆ ก็ควรจะแขวนไว้ที่นั่นประจำ เพราะจะทำให้ชินต่อสถานที่ นกเขาจะหมดกังวลกับสิ่งหวาดกลัว และถ้ามีสถานที่กว้างขวางพอก็ควรจะแขวนกรงนกเขา ให้มีระยะห่างกันพอสมควร ถ้าห่างกัน ขนาดนกเขามองไม่เห็นซึ่งกันและกันได้ยิ่งดี เพราะนกเขาจะได้ตะเบ็งเสียงดังเต็มที่ เป็นการขันโดยไม่ออมเสียง ทำให้คนฟังได้รู้เสียงขันที่แท้จริงของนกเขานั้น
       สถานที่ที่ดีที่สุด คือ ชายคาบ้านหรือสถานที่ใกล้หน้าต่าง เพราะนกเขาจะได้มองเห็นท้องฟ้า เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ และตัวอาคารของบ้านด้วย ช่วยให้นกเขาเกิดความเคยชินกับบ้าน



รูปรังนกเขา


ภาคผนวก















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น